หมวดหมู่: คาถาศักดิ์สิทธิ์

  • พระคาถา บารมี 30 ทัศ: บทสวดมนต์เสริมพลังบุญและความสำเร็จในชีวิต

    พระคาถา บารมี 30 ทัศ: บทสวดมนต์เสริมพลังบุญและความสำเร็จในชีวิต

    พระคาถา บารมี 30 ทัศ เป็นบทสวดมนต์ที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา เน้นการระลึกถึงคุณธรรมอันประเสริฐ 30 ประการที่พระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญเพื่อนำไปสู่การตรัสรู้ บทสวดนี้มีพลังในการเสริมบุญบารมี เสริมกำลังใจ และนำทางชีวิตให้ประสบความสำเร็จ


    album-art
    00:00

    พระคาถา บารมี 30 ทัศ

    พระคาถานี้ เป็นพระคาถาอธิษฐานบารมีของพระพุทธเจ้า เมื่อเข้าผจญด้วยพระยามาราธิราช ขณะที่จะได้ตรัสรู้พระปรมาภิเศกสัมโพธิญาณ พระยามารก็พ่ายแพ้ไปสิ้น

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ


    ( เริ่มบท บารมี 30 ทัศ )

    ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง


    พระคาถา บารมี 30 ทัศ นี้ เป็นยอดแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าๆ พระองค์ ทรงบำเพ็ญมา

    ๑. ทานที่บำเพ็ญโดยสถานประมาณเป็นปกติธรรมดา บริจาคธนสารทรัพย์สมบัติน้อยใหญ่ ถึงแม้จะมากมายเพียงใดก็ดี จัดเป็นบารมีประเภทธรรมดา เรียกชื่อว่า “ทานบารมี”
    ๒. ทานที่บำเพ็ญยิ่งขึ้นไปกว่านั้น คือ ถึงกับบริจาคอวัยวะเลือดเนื้อในร่างกาย จัดเป็นพระบารมีประเภทมัชฌิมาปานกลาง เรียกชื่อว่า “ทานอุปบารมี”
    ๓. ทานที่บำเพ็ญยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก คือถึงกับต้องบริจาคชีวิตให้เป็นทาน นับเป็นการบริจาคอย่างใหญ่หลวงอุกฤษฏ์ นี้จัดเป็นพระบารมีประเภทสูงสุดอย่างยิ่ง เรียกชื่อว่า “ทานปรมัตถบารมี”


    แม้พระบารมีอย่างอื่นก็จำแนกออกเป็นพระบารมีละ ๓ ประเภท ซึ่งพระบารมีที่เป็นองคธรรมมีอยู่ ๑๐ ประเภท เมื่อจำแนกออกเป็นองค์ละ ๓ พระบารมีจึงรวมเป็นพระสมติงสบารมี คือ พระบารมี ๓๐ ถ้วนพอดี ดังจำแนกออกไปตามรายชื่อพระบารมี ดังนี้ คือ


    พระคาถา บารมี ๑๐ ทัศ

    ๑. ทานบารมี บำเพ็ญด้วยการให้สิ่งที่ควรให้
    ๒. ศีลลารมี บำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์
    ๓. เนกขัมมบารมี การออกจากกามซึ่งต้องบำเพ็ญให้ถึงที่สุด
    ๔. ปัญญาบารมี บำเพ็ญด้วยการไต่ถามจากผู้รู้
    ๕. วิริยบารมี บำเพ็ญด้วยการทำความเพียรอย่างถึงที่สุด
    ๖. ขันติบารมี บำเพ็ญด้วยการอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด
    ๗. อธิษฐานบารมี บำเพ็ญเด้วยการตั้งจิตไว้ให้มั่นคง
    ๘. สัจบารมี บำเพ็ญด้วยการรักษาวาจาสัตย์อย่างถึงที่สุด
    ๙. เมตตาบารมี บำเพ็ญด้วยการมีเมตตาอย่างถึงที่สุด
    ๑๐. อุเบกขาบารมี บำเพ็ญด้วยการวางเฉย คือมีใจเสมอกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์


    รวมลงเป็น พระคาถา บารมี ๓๐ ทัศ คือ

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารม
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี บารมี ๑-๑๐ จัดเป็นบารมีประเภทธรรมดา
    ๑๑. ทานอุปบารมี
    ๑๒. ศีลอุปบารมี
    ๑๓. เนกขัมมอุปบารมี
    ๑๔. ปัญญาอุปบารมี
    ๑๕. วิริยอุปบารมี
    ๑๖. ขันติอุปบารมี
    ๑๗. สัจอุปบารมี
    ๑๘. อธิษฐานอุปบารมี
    ๑๙. เมตตาอุปบารมี
    ๒๐. อุเบกขาอุปบารมี บารมี ๑๑-๒๐ จัดเป็นบารมีประเภทปานกลาง
    ๒๑. ทานปรมัตถบารมี
    ๒๒. ศีลมัตถบารมี
    ๒๓. เนกขัมมปรมัตถบารมี
    ๒๔. ปัญญาปรมัตถบารมี
    ๒๕. วิริยปรมัตถบารมี
    ๒๖. ขันติปรมัตถบารมี
    ๒๗. สัจปรมัตถบารมี
    ๒๘. อธิษฐานปรมัตถบารม
    ๒๙. เมตตาปรมัตถบารมี
    ๓๐. อุเบกขาปรมัตถบารมี บารมี ๒๑-๓๐ จัดเป็นบารมีประเภทอุกฤษ์สูงสุด

  • บทแผ่เมตตา: เสริมพลังแห่งความเมตตา สร้างความสงบสุขในจิตใจ

    บทแผ่เมตตา: เสริมพลังแห่งความเมตตา สร้างความสงบสุขในจิตใจ

    บทแผ่เมตตา เป็นบทสวดที่สำคัญในพระพุทธศาสนา ใช้สำหรับแผ่ความปรารถนาดีไปยังตนเอง ผู้อื่น และสรรพสัตว์ทั้งหลาย บทสวดนี้ช่วยเสริมสร้างพลังจิตที่บริสุทธิ์ เพิ่มความสงบสุข และลดอารมณ์ลบในจิตใจ


    album-art
    00:00

    บูชาพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)


    บทแผ่เมตตา แก่ตนเอง

    กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (กราบ 3 ครั้ง)

    อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
    นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
    อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
    อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
    อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์การทุกข์ใจ
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด


    บทแผ่เมตตา ให้สรรพสัตว์

    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
    อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


    บทแผ่ส่วนกุศล

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข


    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของรข้าพเจ้ามีความสุข


    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข


    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข


    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข


    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข


    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.


    อธิฐานอโหสิกรรมต่อกัน

    กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม


    กรรมใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด โดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี จงยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า แม้กรรมใด ที่ใครทำแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้ ยกถวายเป็นอภัยทาน ให้เขาเหล่านั้นมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า จะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป


    ด้วยอนิสงส์แห่งบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวพ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ ปราถนาสิ่งใด อันเป็นไปโดยธรรม ขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จด้วยเทอญ


    นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ



    ความหมายของบทแผ่เมตตา

    บทแผ่เมตตาเป็นหนึ่งในบทสวดมนต์ที่แสดงถึงความรัก ความเมตตา และความปรารถนาดีที่เราส่งต่อไปยังตนเองและผู้อื่น การสวดบทแผ่เมตตาเป็นการฝึกจิตให้รู้จักปล่อยวางความโกรธ ความอิจฉา และความเกลียดชัง โดยเน้นการสร้างพลังงานบวกในจิตใจและส่งต่อความปรารถนาดีไปยังสิ่งมีชีวิตทุกประเภท


    วิธีปฏิบัติเพื่อให้บทแผ่เมตตาเกิดผลสูงสุด

    1. ตั้งจิตให้มั่น – ก่อนเริ่มสวด ควรนั่งในท่าที่สบายและตั้งจิตให้สงบ เพื่อให้จิตใจเปิดรับพลังแห่งเมตตา

    2. จินตนาการภาพแห่งความสุข – คิดถึงความสุขหรือความสงบที่ต้องการมอบให้ผู้อื่น

    3. ส่งความปรารถนาดี – ขณะสวดบทแผ่เมตตา ให้จินตนาการถึงแสงสว่างที่แผ่กระจายออกไปสู่ทุกคน


    ประโยชน์จากการสวดบทแผ่เมตตา

    การสวดบทแผ่เมตตาไม่เพียงแต่ช่วยให้จิตใจสงบและปลอดโปร่ง แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและร่างกาย การฝึกจิตในรูปแบบนี้ช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความเมตตาและความกรุณาในสังคม ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

  • บทสวดค้าขายดี: เสริมโชคลาภ ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มความสำเร็จในธุรกิจ

    บทสวดค้าขายดี: เสริมโชคลาภ ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มความสำเร็จในธุรกิจ

    บทสวดค้าขายดี เป็นบทสวดมนต์ที่คนไทยนิยมใช้เพื่อเสริมดวงการค้า เพิ่มยอดขาย และเรียกโชคลาภ บทสวดนี้เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่ต้องการเสริมดวงด้านการเงินและธุรกิจ ด้วยความเชื่อว่าการสวดด้วยจิตศรัทธาจะช่วยดึงดูดลูกค้าและความสำเร็จในธุรกิจ


    album-art
    00:00



    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ


    (พระคาถาค้าขายดี)

    พุทธัง พะหุชะนานัง เอหิจิตตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา
    ชมภูทีเป มะนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธังเอหิ


    วิธีสวดบทสวดค้าขายดี

    1. จัดสถานที่ให้เป็นระเบียบ: จัดโต๊ะบูชาหรือหน้าร้านให้สะอาด ตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน

    2. ตั้งนะโม 3 จบ: กล่าว “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 ครั้ง เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า

    3. เริ่มสวดบทค้าขายดี: เลือกบทสวดที่เหมาะสมหรือสวดทั้งสามบทเพื่อเสริมความมั่นใจ

    4. อธิษฐานจิต: หลังสวดเสร็จ ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง มีลูกค้ามากมาย และการเงินมั่นคง


    เคล็ดลับเสริมความสำเร็จในการค้าขาย

    1. สวดทุกเช้าก่อนเปิดร้าน: การเริ่มต้นวันด้วยบทสวดมนต์ช่วยเสริมโชคลาภและสร้างพลังบวก

    2. บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำร้าน: เช่น พระพุทธรูป พระแม่ธรณี หรือท้าวเวสสุวัณ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล

    3. ตกแต่งร้านด้วยของมงคล: ใช้เครื่องรางหรือวัตถุมงคล เช่น น้ำเต้า ฮก ลก ซิ่ว หรือปลาตะเพียนเงิน-ทอง

    4. ให้บริการด้วยรอยยิ้ม: การค้าขายที่ดีต้องมีจิตใจบริการและความจริงใจต่อลูกค้า


    ประโยชน์ของ บทสวดค้าขายดี

    1. เสริมดวงการค้า: ช่วยเพิ่มพูนโชคลาภและยอดขาย

    2. ดึงดูดลูกค้า: เชื่อว่าการสวดช่วยดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและบริการ

    3. สร้างพลังใจ: เสริมความมั่นใจและแรงบันดาลใจให้เจ้าของธุรกิจ

    4. เสริมสิริมงคล: ป้องกันอุปสรรคและปัดเป่าสิ่งไม่ดีที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ


    บทสวดค้าขายดี เป็นบทสวดมนต์ที่เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจและต้องการเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน การสวดด้วยจิตศรัทธาและตั้งใจจะช่วยดึงดูดโชคลาภ ลูกค้า และความสำเร็จในธุรกิจ การสวดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสิริมงคลและความมั่งคั่งให้กับผู้สวด

  • คาถาเงินล้าน: บทสวดมนต์เรียกโชคลาภ เพิ่มพูนทรัพย์สิน และเสริมความมั่งคั่ง

    คาถาเงินล้าน: บทสวดมนต์เรียกโชคลาภ เพิ่มพูนทรัพย์สิน และเสริมความมั่งคั่ง

    คาถาเงินล้าน: บทสวดเสริมโชคลาภและความมั่งคั่งทางการเงิน

    คาถาเงินล้าน เป็นบทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่แต่งขึ้นโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่พุทธศาสนิกชนและผู้ที่ต้องการเสริมดวงทางการเงิน บทสวดนี้ช่วยเพิ่มพูนโชคลาภ เรียกทรัพย์ และสร้างความมั่งคั่ง หากสวดด้วยความตั้งใจและศรัทธา เชื่อว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีทั้งในด้านการเงินและชีวิต


    album-art
    00:00




    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ


    (พระคาถาเงินล้าน)

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตภาหุหะติ
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะติจฉามิ เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
    (สวด 9 จบ )


    (แบบแปลความหมาย)

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
    วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ


    เคล็ดคาถาศักดิ์สิทธิ์ เสริมดวง “คาถาเงินล้าน” สำหรับท่านที่ดวงตกและมีปัญหาเรื่องเงิน ขอแนะนำคาถานี้ถ้าอยากจะให้ดีขึ้นแบบทันตาเห็น คาถาเงินล้าน เป็นคาถาของ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง คาถาที่ได้จากกรรมฐาน

    โดย คาถาเงินล้าน เป็นคาถาของ พระราชพรหมยาน หรือ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ซึ่งหลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้ โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ (องค์ปฐม) องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

    ในปัจจุบันพระคาถาเงินล้านของท่านได้แพร่หลายและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก มีความเชื่อกันว่ายิ่งสวดมากยิ่งได้ลาภมาก ตามความศรัทธาของแต่ละคน สวดอย่างน้อยวันล่ะ 9 จบ แต่จะให้ดี อย่างน้อย 30 จบ และทำทานทุกวันสม่ำเสมอด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง ถ้าทำได้ว่างเมื่อไหร่ก็ให้สวดเมื่อนั้น ก่อนสวดพระคาถาให้ตั้งจิตให้นิ่ง

    เมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้ขอให้บรรดาลูกหลานใช้พระคาถาเงินล้านเพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตพระท่านก็อนุญาตให้ เราจะสังเกตได้ว่าใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอความคล่องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา ขอยืนยันคำว่าจริงจังและสม่ำเสมอเพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญาคนจะเป็นอภิญญาได้จะต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้งๆเมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้นก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา


    คาถาเงินล้าน..เรียกว่าเป็นสุดยอดพระคาถา มีหลักฐานที่มาของคาถายอดพุทธคุณไม่เคยมีปรากฎมาก่อน


    นับตั้งแต่ คาถาประทานโดย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๒ พระองค์คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ในภัทรกัปนี้)


    คาถาบทนี้มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุดคือ นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ ที่ว่าเป็นคนแรกเพราะอะไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อปาน ท่านไปเรียนมาจาก ” ครูผึ้ง ซึ่งอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้มาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง และพระธุดงค์องค์นี้ท่านก็บอกมาว่าเป็น คาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้า “


    ตามปกติครูผึ้งท่านรักษาศีลอยู่แล้ว ก่อนที่พระธุดงค์จะไป ท่านได้ให้คาถาบทนี้และบอกว่า “ตอนเช้าทุกวันควรใส่บาตร ก่อนจะใส่บาตรก็ให้ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบ แล้ววิธีใส่บาตรมีอยู่ ๒ อย่าง ถ้าไม่มีพระจะมา ให้ใช้ข้าวสารตักแทนก็ได้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราใช้สตางค์ใส่บาตรแทนก็ได้ เงินนั้นให้ใช้เป็นค่าอาหาร มากน้อยตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องไปรอพระมา ถ้าเห็นว่ามันมากพอสมควร ก็เอาไปถวายพระ บอกท่านว่าเป็นค่าอาหาร แล้วท่านจะนำไปใช้ค่าอาหาร หรือเอาไปใช้ก่อสร้างก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เรามีเจตนาเป็นค่าอาหารแล้วกันเท่านั้นก็พอ”


    คาถาจากพระปัจเจกพุทธเจ้า สืบสายจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่ท่านได้ไปเรียนจากครูผึ้ง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และครูผึ้งนั้นท่านได้เรียนมาจากพระธุดงค์อีกที  และตอนหลังนั้นหลายๆท่านมาบอกพระคาถาเพิ่มเติมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเพิ่มเติม ” เป็นคาถาเงินล้าน” ท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่าศรี ท่านพระเจ้าแม่มัทรี บริวารท้าวเวสสุวรรณนำคาถามาบอกหลวงพ่อ ก็มีประวัติปรากฎเกี่ยวข้องกับคาถาเกินจะกล่าวได้ทั้งหมด


    อานุภาพของพระคาถา ทั้ง ปัดอุปสรรค เหตุร้ายไม่เกิด เมตตา มหาลาภ ค้าขายดี เรียกเงินแสน,เงินล้าน เร่งลาภให้เร็วขึ้น ลาภไม่ขาดสาย เมื่อยกคาถาขึ้นสวดอำนาจพุทธคุณ ก็อาจทำให้ผู้สวดมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ทั้งกาย วาจา ใจ ก็มีเดช ดึงดูดเหนี่ยวนำแต่สิ่งดี ๆ ให้มาปรากฏ เป็นโชคลาภ เงินทอง ความสุข ความเจริญ และมีสุคติเป็นที่สุดก็เป็นได้..

  • บทสวดอิติปิโส: บทสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ เสริมสิริมงคลและความสงบสุข

    บทสวดอิติปิโส: บทสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ เสริมสิริมงคลและความสงบสุข

    บทสวดอิติปิโส เป็นบทสวดมนต์ที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนา กล่าวถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ บทสวดนี้เป็นที่นิยมในหมู่พุทธศาสนิกชนเพื่อสรรเสริญคุณงามความดีของพระรัตนตรัย อีกทั้งยังช่วยเสริมสิริมงคล ปัดเป่าเคราะห์ร้าย และสร้างพลังบวกให้แก่ผู้สวด


    album-art
    00:00


    บทสวดอิติปิโส (คำบูชาพระรัตนตรัย)

    อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังคัง นะมามิ (กราบ)


    ( บทสวดนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า )

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ


    ( บทสวดอิติปิโส )

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ


    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ


    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ


    อิติปิโสนั้นว่ากันว่า สวดอิติปิโสเท่าอายุ หรือ สวดอิติปิโสเท่าอายุ+1 จะช่วยต่อดวงชะตาให้ยืนยาว ป้องกันภูติผีปีศาจ แคล้วคลาดจากโรคภัยต่าง ๆ และอุบัติเหตุ จิตใจเข้มแข็ง ปัญญาดี หลับสบาย มีสมาธิ เทวดารักษา เป็นคนมีเสน่ห์และเป็นที่รัก


    บทสวดมนต์อิติปิโสนั้นมีความเชื่อกันว่าเป็นบทสวดมนต์ก่อนนอนที่ดีมากๆอีกบทนึงเลยนะครับ สวดบทสวดมนต์อิติปิโสอย่างเดียวทุกคืนก่อนนอนก็พอสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากและมีความเชื่อกันอีกอย่างว่าการสวดมนต์อิติปิโสนั้นจะช่วยในเรื่องที่ครั้งหนึ่งชีวิตตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ไม่ว่าจะเจ็บป่วยทางกายหรือทางใจอย่างแสนสาหัส แต่ด้วยจิตสงบนิ่งจากการหันหน้าพึ่งพระธรรม ตั้งใจเพียรภาวนา และสวดมนต์ ก็สามารถผ่านพ้นภาวะวิกฤตนั้นมาได้


    อานุภาพของพระคาถา ทั้ง ปัดอุปสรรค เหตุร้ายไม่เกิด เมตตา มหาลาภ ค้าขายดี เ ลาภไม่ขาดสาย เมื่อยกคาถาขึ้นสวดอำนาจพุทธคุณ ก็อาจทำให้ผู้สวดมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ทั้งกาย วาจา ใจ ก็มีเดช ดึงดูดเหนี่ยวนำแต่สิ่งดี ๆ ให้มาปรากฏ เป็นโชคลาภ เงินทอง ความสุข ความเจริญ และมีสุคติเป็นที่สุดก็เป็นได้

  • บทสวดชินบัญชร: บทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ปัดเป่าเคราะห์ร้าย เสริมสิริมงคล

    บทสวดชินบัญชร: บทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ปัดเป่าเคราะห์ร้าย เสริมสิริมงคล

    บทสวดชินบัญชร เป็นบทสวดมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงในพระพุทธศาสนา แต่งขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) บทสวดนี้เป็นที่นิยมในหมู่พุทธศาสนิกชน เนื่องจากเชื่อว่ามีพลังในการปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าเคราะห์ร้าย และเสริมสิริมงคลให้แก่ผู้สวด


    album-art
    00:00


    บทสวดชินบัญชร


    ( ตั้ง นะโม 3 จบ )

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    ( นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน )

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    ( เริ่มบท คาถาชินบัญชร )

    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา
    เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง
    เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

    2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา
    อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
    มัตถะเกเต มุนิสสะรา.


    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
    พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต
    มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.


    4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ
    สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง
    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.


    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
    อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป
    จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.


    6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง
    สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน
    โสภิโต มุนิปุงคะโว


    7. กุมาระกัสสโป เถโร
    มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
    ปะติฏฐาสิคุณากะโร.


    8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ
    อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา
    นะลาเต ติละกา มะมะ.


    9. เสสาสีติ มะหาเถรา
    วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา
    ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ
    อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.


    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ
    ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
    วาเม อังคุลิมาละกัง.


    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ
    อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ
    เสสา ปาการะสัณฐิตา.


    12. ชินา นานาวะระสังยุตตา
    สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปิตตาทะสัญชาตา
    พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.


    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ
    อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ
    สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.


    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ
    วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ
    เต มะหาปุริสาสะภา.


    15. อิจเจวะมันโต
    สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
    ชิตุปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ
    ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
    ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    คำแปล คาถาชินบัญชร

    บทที่ 1:
    พระพุทธเจ้าผู้ประทับบนชัยบัลลังก์ ได้ทรงพิชิตพระยามาราธิราชพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะ และทรงเสวยพระธรรมรสแห่งอริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งปวง

    บทที่ 2:
    พระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ นับตั้งแต่พระตัณหังกรเป็นต้น พระจอมมุนีเหล่านี้ขอประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า

    บทที่ 3:
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานบนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง และพระสงฆ์ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งคุณธรรมอยู่ที่อก

    บทที่ 4:
    พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่ด้านขวา พระโกณฑัญญะอยู่ด้านหลัง และพระโมคคัลลาน์อยู่ด้านซ้าย

    บทที่ 5:
    พระอานนท์และพระราหุลอยู่ที่หูขวา พระกัสสปะและพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย

    บทที่ 6:
    พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดุจดังพระอาทิตย์ ประดิษฐานอยู่เหนือเส้นขนทุกเส้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังของข้าพเจ้า

    บทที่ 7:
    พระกุมารกัสสปะผู้มีวาทะอันไพเราะเสนาะหู ประดิษฐานอยู่ที่ปากของข้าพเจ้าเสมอ

    บทที่ 8:
    พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี เปรียบเสมือนกระแจะจุณเจิมที่หน้าผากของข้าพเจ้า

    บทที่ 9:
    พระอสีติมหาเถระผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ทั่วทุกส่วนของร่างกาย ด้วยเดชานุภาพแห่งศีล

    บทที่ 10:
    พระรัตนสูตรประดิษฐานเบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่ด้านขวา พระธชัคคสูตรอยู่ด้านหลัง และพระอังคุลิมาลสูตรอยู่ด้านซ้าย

    บทที่ 11:
    พระขันธสูตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เปรียบเสมือนหลังคาคุ้มครองอยู่เบื้องบน

    บทที่ 12:
    พระชินเจ้าเหล่านั้นที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณวิเศษ และกำแพงเจ็ดชั้นที่ประดับประดา ล้อมรอบเป็นปราการป้องกันภยันตรายจากทั้งภายในและภายนอก

    บทที่ 13:
    ด้วยอานุภาพของพระชินเจ้า ขอให้โรคภัยและอุปัทวะทั้งหลายถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นเชิง

    บทที่ 14:
    ขอพระมหาบุรุษผู้มีคุณวิเศษทุกพระองค์ ปกปักรักษาข้าพเจ้าในท่ามกลางพระชินบัญชร

    บทที่ 15:
    ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ข้าพเจ้าได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากอันตราย และดำเนินชีวิตในพระชินบัญชรด้วยสวัสดีเป็นนิจนิรันดร์


  • บทสวดมนต์: เสริมมงคลชีวิต เติมพลังใจในทุกวัน

    บทสวดมนต์: เสริมมงคลชีวิต เติมพลังใจในทุกวัน

    บทสวดมนต์ การเริ่มต้นและสิ้นสุดวันด้วยการสวดมนต์เป็นวิธีที่ช่วย เสริมสร้างความสงบในจิตใจ และ เพิ่มพลังบวก ให้กับชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกสงบสุข แต่ยังเปี่ยมไปด้วย สิริมงคลและบุญบารมี ที่ส่งผลดีต่อชีวิตในทุกๆ ด้าน


    album-art
    00:00


    ธนาศีล 5

    อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
    ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
    ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ


    บทสวดบูชาพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)


    บทสวดนะโมสรรเสริญพระพุทธเจ้า

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (กล่าว 3 จบ)


    บทสวดไตรสรณคมน์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณังคัจฉามิ



    บทสวดอิติปิโส

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ


    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ


    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ


    บทสวดชุมนุมเทวดา

    ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
    อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ

    สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ
    จันตะลิกเข วิมาเน
    ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน
    เคหะวัตถุมหิ เขตเต

    ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม
    ยักขะคันธัพพะนาคา
    ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง
    สาธะโว เม สุณันตุ

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา


    บทสวดชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา)

    พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
    ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
    โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
    ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
    พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
    วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ


    บทสวดสัพพมงคลคาถา

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะพุทธานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะธัมมานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะสังฆานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ


    บทสวดบารมี 30 ทัศ

    ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง


    บทสวดมนต์ชินบัญชร

    ( นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน )

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    ( เริ่มบท คาถาชินบัญชร )

    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา
    เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง
    เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

    2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา
    อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
    มัตถะเกเต มุนิสสะรา.


    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
    พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต
    มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.


    4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ
    สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง
    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.


    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
    อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป
    จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.


    6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง
    สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน
    โสภิโต มุนิปุงคะโว


    7. กุมาระกัสสโป เถโร
    มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
    ปะติฏฐาสิคุณากะโร.


    8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ
    อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา
    นะลาเต ติละกา มะมะ.


    9. เสสาสีติ มะหาเถรา
    วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา
    ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ
    อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.


    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ
    ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
    วาเม อังคุลิมาละกัง.


    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ
    อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ
    เสสา ปาการะสัณฐิตา.


    12. ชินา นานาวะระสังยุตตา
    สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปิตตาทะสัญชาตา
    พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.


    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ
    อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ
    สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.


    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ
    วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ
    เต มะหาปุริสาสะภา.


    15. อิจเจวะมันโต
    สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
    ชิตุปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ
    ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
    ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    คาถามงคลจักรวาล 8 ทิศ

    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    บทสวดชัยปริตร มหาการุณิโก

    มหาการุณิโก นาโถ
    หิตายะ สัพพะปาณินัง
    ปูรณะมิตตัง วิสุทธัญจะ
    สัตถา ชีนะระสังยะถา

    วิคาสิการุณาเจตโส
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห
    ยะถา สัพพี สะมาคะตา
    สัพพะตุฏฐิ ปะวัฑฒนัง

    สะมัตตา จะ ทิสาภาเค
    มังรักขันตุ สะสังฆิกัง
    สัพพะทุกขะ สัพพะภะยัง
    สัพพะโรคะ วิบินทุโน

    อุทะกัง วะลัญชะนัง ยะถา
    สัพพะปะสิทธิกะโร ภะเว
    สัพพะสัมปัตติ สิทธิกัง
    จิรัญจะ ระกะขันตุ เม

    นิพพุทธัง พุทธะมะนัสสะ
    ธัมมัง อะนุตตะระ โกฏิยะ
    สังฆัสสะ สามิกัสสะ เม
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห


    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ต้นฉบับเดิม

    ๑.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะ สัมปันโน วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วะตะ โส ภะคะวา .
    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะระหันตัง สิระสา นะมามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ.
    สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สุคะตัง สิระสา นะมามิ.
    โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ.
    โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ.


    ๒.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะทัมมะสาระถิ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ.
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    พุทธัง สิระสา นะมามิ. อิติปิ โส ภะคะวา ฯ


    ๓.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะลักขะณะปารมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะสัมปันโน.


    ๔.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อาโปธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เตโชธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    อิติปิ โส ภะคะวา วาโยธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิโส ภะคะวา วิญญาณะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จักกะวาฬะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๕.
    อิติปิ โส ภะคะวา จาตุมมะหาราชิกา ธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตาวะติงสาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะรูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกุตตะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๖.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตุสะมาธิ-ญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จะตุตถะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๗.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๘.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๙.
    กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ชัมพู ทีปัญจะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นะโม พุทธายะนะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ
    ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง อา ปา มะ จุ ปะ, ที มะ สัง อัง ขุ, สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ, อุปะสะชะสะเห
    ปาสายะโส ฯ

    โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว อะ สัง วิ สุ โล
    ปุ สะ พุ ภะ อิสวาสุ สุสวาอิ กุสะลา ธัมมา จิตติวิอัตถิ.

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สาโพธิปัญ จะ อิสสะโร ธัมมา.

    กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.


    ๑๐.
    จาตุมมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุอุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา พรหมาสัททะ ปัญจะสัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา ปุยะปะกะ ปุริสะทัมมะสาระถิ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    นิมมานะระตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา เหตุโปวะ สัตถา เทวะมะนุสสานัง ตะถา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา สังขาระขันโธ ทุกขัง ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

    พรหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัตถิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.


    ๑๑.
    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธิลาโภกะลา กะระกะนา เอเตนะ สัจเจนะ
    สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ วัตติ วัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติ-สาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสีสาวัง มะหาอิสีสาวัง มุนีสาวัง มหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกาอิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ.

    สาวัง คุณัง วะชะ พะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง ธัมมัง สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญญา นิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ยะสัง ตัปปัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ


    ๑๒.
    นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม อิติปิโส ภะคะวา.

    นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม.

    นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง.

    นะโม พุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะ ตัสสะ หาโย นะโม อุอะมะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา อุ อะมะ อาวันทา นะโม พุทธายะ นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ฯ
    (กราบ ๓ ครั้ง)


    คาถาค้าขายดี

    พุทธัง พะหุชะนานัง เอหิจิตตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา
    ชมภูทีเป มะนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธังเอหิ


    คาถาเรียกทรัพย์

    พุทธะ มะอะอุ
    จิเจรุนิ จิตตัง
    มะณี จะมหาลาโภ
    ภะวันตุเม

    สัมปะติจฉามิ
    นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา
    สะหัสสะเนตโต
    สัพเพเทวา
    สะมาหิตา

    มหาปุญโญ
    มหาลาโภ
    ภะวันตุเม


    คาถาเงินล้าน

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตภาหุหะติ
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะติจฉามิ เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ


    บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา

    ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
    โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
    เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง
    สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

    ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
    ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ

    สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
    อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ


    แผ่เมตตาแก่ตนเอง

    กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
    นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
    อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
    อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
    อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์การทุกข์ใจ
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด


    แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
    อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


    บทแผ่ส่วนกุศล

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของรข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.


    การสวดมนต์ ถือเป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจสงบ และนอนหลับสบาย สวดมนต์ทำสมาธิก่อนนอนในทุกๆคืน นอกจากจะได้ประโยชน์ช่วยทำให้จิตใจสงบ แจ่มใส สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิและนอนหลับสนิท ไม่ฝันร้ายแล้วยังได้อานิสงส์มากอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าหากเราได้แผ่เมตตาก็จะช่วยส่งผลบุญไปถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วยเช่นกัน สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาบทสวดมนต์ก่อนนอนอยู่ วันนี้เราได้รวบรวมบทสวดมนต์ก่อนนอนมาฝากกัน สวดมนต์เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ฝึกจิตใจให้สงบ มีสมาธิ ปัญญา เสริมวาสนา บารมี เสริมดวงชะตา


    การสวดมนต์ภาวนาเป็นการสร้างบุญที่ได้อานิสงส์สูง เพราะจิตใจจะสงบตั้งอยู่ได้นาน ทำให้เกิดฌาณจิตวิญญาณรวมทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นจะได้มาร่วมอนุโมทนาบุญ และเป็นการแผ่เมตตาจิต มิตรไมตรีให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการรวมจิตให้สงบนิ่งก่อนทำสมาธิวิปัสสนาต่อไป


    การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ก่อนนอน หรือสวดมนต์ในวันพระนั้น เป็นหนึ่งที่ในกิจกรรมทางศาสนาที่ชาวพุทธนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เพราะการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิจะทำให้จิตใจของเราสงบ มีสมาธิ เกิดสติปัญญา เกิดสิริมงคลให้กับชีวิตได้ นอกจากนี้ถ้าเราความตั้งใจจริง นำจิตไปจับที่ตัวอักษรที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดังฟังชัดเจน เราจะได้รับอานิสงส์อย่างมากกว่าเดิมทีเดียว โดยครูบาอาจารย์ได้อรรถาธิบายความถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ