ผู้เขียน: dhamma

  • บทสวดมนต์ก่อนนอน: เสริมสิริมงคล ส่งเสริมจิตใจสงบสุขก่อนเข้านอน

    บทสวดมนต์ก่อนนอน: เสริมสิริมงคล ส่งเสริมจิตใจสงบสุขก่อนเข้านอน

    บทสวดมนต์ก่อนนอน เป็นวิธีที่ช่วยสร้างความสงบสุขในจิตใจและเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต การสวดมนต์ก่อนนอนเป็นการผ่อนคลายจิตใจจากความเครียดในแต่ละวัน และช่วยให้การนอนหลับเป็นไปอย่างราบรื่น บทสวดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นหรือจบวันด้วยความสุขและพลังบวก


    album-art
    00:00


    อาราธนาศีล 5

    อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
    ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
    ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ


    บทสวดบูชาพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)


    บทสวดนะโมสรรเสริญพระพุทธเจ้า

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (กล่าว 3 จบ)


    บทสวดไตรสรณคมน์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณังคัจฉามิ



    บทสวดอิติปิโส

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ


    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ


    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ


    บทสวดชุมนุมเทวดา

    ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
    อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ

    สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ
    จันตะลิกเข วิมาเน
    ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน
    เคหะวัตถุมหิ เขตเต

    ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม
    ยักขะคันธัพพะนาคา
    ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง
    สาธะโว เม สุณันตุ

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา


    บทสวดชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา)

    พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
    ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
    โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
    ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
    พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
    วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ


    บทสวดสัพพมงคลคาถา

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะพุทธานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะธัมมานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะสังฆานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ


    บทสวดบารมี 30 ทัศ

    ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง


    บทสวดมนต์ชินบัญชร 9 จบ

    ( นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน )

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    ( เริ่มบท คาถาชินบัญชร )

    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา
    เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง
    เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

    2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา
    อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
    มัตถะเกเต มุนิสสะรา.


    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
    พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต
    มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.


    4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ
    สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง
    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.


    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
    อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป
    จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.


    6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง
    สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน
    โสภิโต มุนิปุงคะโว


    7. กุมาระกัสสโป เถโร
    มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
    ปะติฏฐาสิคุณากะโร.


    8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ
    อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา
    นะลาเต ติละกา มะมะ.


    9. เสสาสีติ มะหาเถรา
    วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา
    ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ
    อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.


    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ
    ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
    วาเม อังคุลิมาละกัง.


    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ
    อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ
    เสสา ปาการะสัณฐิตา.


    12. ชินา นานาวะระสังยุตตา
    สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปิตตาทะสัญชาตา
    พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.


    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ
    อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ
    สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.


    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ
    วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ
    เต มะหาปุริสาสะภา.


    15. อิจเจวะมันโต
    สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
    ชิตุปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ
    ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
    ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    คาถามงคลจักรวาล 8 ทิศ

    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    บทสวดชัยปริตร มหาการุณิโก

    มหาการุณิโก นาโถ
    หิตายะ สัพพะปาณินัง
    ปูรณะมิตตัง วิสุทธัญจะ
    สัตถา ชีนะระสังยะถา

    วิคาสิการุณาเจตโส
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห
    ยะถา สัพพี สะมาคะตา
    สัพพะตุฏฐิ ปะวัฑฒนัง

    สะมัตตา จะ ทิสาภาเค
    มังรักขันตุ สะสังฆิกัง
    สัพพะทุกขะ สัพพะภะยัง
    สัพพะโรคะ วิบินทุโน

    อุทะกัง วะลัญชะนัง ยะถา
    สัพพะปะสิทธิกะโร ภะเว
    สัพพะสัมปัตติ สิทธิกัง
    จิรัญจะ ระกะขันตุ เม

    นิพพุทธัง พุทธะมะนัสสะ
    ธัมมัง อะนุตตะระ โกฏิยะ
    สังฆัสสะ สามิกัสสะ เม
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห


    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ต้นฉบับเดิม

    ๑.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะ สัมปันโน วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วะตะ โส ภะคะวา .
    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะระหันตัง สิระสา นะมามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ.
    สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สุคะตัง สิระสา นะมามิ.
    โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ.
    โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ.


    ๒.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะทัมมะสาระถิ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ.
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    พุทธัง สิระสา นะมามิ. อิติปิ โส ภะคะวา ฯ


    ๓.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะลักขะณะปารมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะสัมปันโน.


    ๔.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อาโปธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เตโชธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    อิติปิ โส ภะคะวา วาโยธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิโส ภะคะวา วิญญาณะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จักกะวาฬะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๕.
    อิติปิ โส ภะคะวา จาตุมมะหาราชิกา ธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตาวะติงสาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะรูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกุตตะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๖.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตุสะมาธิ-ญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จะตุตถะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๗.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๘.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.


    ๙.
    กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ชัมพู ทีปัญจะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นะโม พุทธายะนะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ
    ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง อา ปา มะ จุ ปะ, ที มะ สัง อัง ขุ, สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ, อุปะสะชะสะเห
    ปาสายะโส ฯ

    โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว อะ สัง วิ สุ โล
    ปุ สะ พุ ภะ อิสวาสุ สุสวาอิ กุสะลา ธัมมา จิตติวิอัตถิ.

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สาโพธิปัญ จะ อิสสะโร ธัมมา.

    กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.


    ๑๐.
    จาตุมมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุอุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา พรหมาสัททะ ปัญจะสัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา ปุยะปะกะ ปุริสะทัมมะสาระถิ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    นิมมานะระตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา เหตุโปวะ สัตถา เทวะมะนุสสานัง ตะถา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา สังขาระขันโธ ทุกขัง ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

    พรหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัตถิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.


    ๑๑.
    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธิลาโภกะลา กะระกะนา เอเตนะ สัจเจนะ
    สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ วัตติ วัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติ-สาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสีสาวัง มะหาอิสีสาวัง มุนีสาวัง มหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกาอิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ.

    สาวัง คุณัง วะชะ พะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง ธัมมัง สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญญา นิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ยะสัง ตัปปัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ


    ๑๒.
    นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม อิติปิโส ภะคะวา.

    นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม.

    นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง.

    นะโม พุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะ ตัสสะ หาโย นะโม อุอะมะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา อุ อะมะ อาวันทา นะโม พุทธายะ นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ฯ
    (กราบ ๓ ครั้ง)


    คาถาค้าขายดี

    พุทธัง พะหุชะนานัง เอหิจิตตัง เอหิมะนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา
    ชมภูทีเป มะนุสสานัง อิตถิโย ปุริโส จิตตัง พันธังเอหิ


    คาถาเรียกทรัพย์

    พุทธะ มะอะอุ
    จิเจรุนิ จิตตัง
    มะณี จะมหาลาโภ
    ภะวันตุเม

    สัมปะติจฉามิ
    นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา
    สะหัสสะเนตโต
    สัพเพเทวา
    สะมาหิตา

    มหาปุญโญ
    มหาลาโภ
    ภะวันตุเม


    คาถาเงินล้าน

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตภาหุหะติ
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะติจฉามิ เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ


    บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา

    ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
    โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
    เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง
    สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

    ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
    ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ

    สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
    อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ


    แผ่เมตตาแก่ตนเอง

    กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
    นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
    อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
    อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
    อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์การทุกข์ใจ
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด


    แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
    อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


    บทแผ่ส่วนกุศล

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของรข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
    คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.


    ประโยชน์ของ บทสวดมนต์ก่อนนอน

    1. สร้างความสงบสุขในจิตใจ: ช่วยลดความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์ก่อนเข้านอน

    2. เสริมสิริมงคล: ช่วยเพิ่มพูนพลังบวกในชีวิต และเสริมความมั่นคงทางจิตใจ

    3. ช่วยให้นอนหลับสนิท: การสวดมนต์ช่วยให้จิตใจสงบ ส่งผลให้นอนหลับง่ายและพักผ่อนเต็มที่

    4. เพิ่มพลังบุญ: การสวดมนต์ก่อนนอนเป็นการทำบุญด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์


    วิธีสวด บทสวดมนต์ก่อนนอน ให้ได้ผลดี

    1. เลือกสถานที่สงบ: หามุมที่เงียบสงบในบ้าน และจัดที่นั่งให้สบาย

    2. ตั้งจิตให้มั่นคง: ก่อนเริ่มสวด บทสวดมนต์ก่อนนอน ควรทำใจให้สงบและปล่อยวางความคิดที่ฟุ้งซ่าน

    3. สวดด้วยศรัทธา: อ่าน บทสวดมนต์ก่อนนอน ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น และให้ความหมายในแต่ละคำ

    4. แผ่เมตตาหลังสวด: ส่งพลังบวกให้ตนเองและผู้อื่นเพื่อสร้างความสุข


    เคล็ดลับ บทสวดมนต์ก่อนนอน

    สวดทุกวัน: การสวด บทสวดมนต์ก่อนนอน เป็นประจำช่วยสร้างนิสัยที่ดีและพลังบวกในระยะยาว

    จุดเทียนหรือธูป: สร้างบรรยากาศที่สงบและศักดิ์สิทธิ์

    ใช้เสียงสวดเบา ๆ: เพื่อช่วยสร้างสมาธิและความสงบในจิตใจ


    บทสวดมนต์ก่อนนอน

    เป็นการเสริมสิริมงคลและสร้างความสงบสุขให้กับชีวิต การสวด บทสวดมนต์ก่อนนอน ด้วยจิตใจที่สงบและศรัทธาจะช่วยให้คุณนอนหลับสบาย พร้อมตื่นขึ้นมาในวันใหม่ด้วยพลังงานที่ดี

  • บทสวดมนต์ชินบัญชร

    บทสวดมนต์ชินบัญชร

    บทสวดมนต์ชินบัญชร เป็นบทสวดมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างสูงในพระพุทธศาสนา แต่งขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) บทสวดนี้เป็นที่นิยมในหมู่พุทธศาสนิกชน เนื่องจากเชื่อว่ามีพลังในการปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าเคราะห์ร้าย และเสริมสิริมงคลให้แก่ผู้สวด


    album-art
    00:00



    ( ตั้ง นะโม 3 จบ )

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    ( นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน )

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    ( เริ่มบท คาถาชินบัญชร )

    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา
    เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง
    เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

    2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา
    อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
    มัตถะเกเต มุนิสสะรา.


    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
    พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต
    มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.


    4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ
    สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง
    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.


    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
    อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป
    จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.


    6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง
    สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน
    โสภิโต มุนิปุงคะโว


    7. กุมาระกัสสโป เถโร
    มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
    ปะติฏฐาสิคุณากะโร.


    8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ
    อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา
    นะลาเต ติละกา มะมะ.


    9. เสสาสีติ มะหาเถรา
    วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา
    ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ
    อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.


    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ
    ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
    วาเม อังคุลิมาละกัง.


    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ
    อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ
    เสสา ปาการะสัณฐิตา.


    12. ชินา นานาวะระสังยุตตา
    สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปิตตาทะสัญชาตา
    พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.


    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ
    อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ
    สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.


    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ
    วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ
    เต มะหาปุริสาสะภา.


    15. อิจเจวะมันโต
    สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
    ชิตุปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ
    ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
    ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    คำแปล คาถาชินบัญชร

    บทที่ 1:
    พระพุทธเจ้าผู้ประทับบนชัยบัลลังก์ ได้ทรงพิชิตพระยามาราธิราชพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะ และทรงเสวยพระธรรมรสแห่งอริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งปวง

    บทที่ 2:
    พระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ นับตั้งแต่พระตัณหังกรเป็นต้น พระจอมมุนีเหล่านี้ขอประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า

    บทที่ 3:
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานบนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง และพระสงฆ์ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งคุณธรรมอยู่ที่อก

    บทที่ 4:
    พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่ด้านขวา พระโกณฑัญญะอยู่ด้านหลัง และพระโมคคัลลาน์อยู่ด้านซ้าย

    บทที่ 5:
    พระอานนท์และพระราหุลอยู่ที่หูขวา พระกัสสปะและพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย

    บทที่ 6:
    พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดุจดังพระอาทิตย์ ประดิษฐานอยู่เหนือเส้นขนทุกเส้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังของข้าพเจ้า

    บทที่ 7:
    พระกุมารกัสสปะผู้มีวาทะอันไพเราะเสนาะหู ประดิษฐานอยู่ที่ปากของข้าพเจ้าเสมอ

    บทที่ 8:
    พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี เปรียบเสมือนกระแจะจุณเจิมที่หน้าผากของข้าพเจ้า

    บทที่ 9:
    พระอสีติมหาเถระผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ทั่วทุกส่วนของร่างกาย ด้วยเดชานุภาพแห่งศีล

    บทที่ 10:
    พระรัตนสูตรประดิษฐานเบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่ด้านขวา พระธชัคคสูตรอยู่ด้านหลัง และพระอังคุลิมาลสูตรอยู่ด้านซ้าย

    บทที่ 11:
    พระขันธสูตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เปรียบเสมือนหลังคาคุ้มครองอยู่เบื้องบน

    บทที่ 12:
    พระชินเจ้าเหล่านั้นที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณวิเศษ และกำแพงเจ็ดชั้นที่ประดับประดา ล้อมรอบเป็นปราการป้องกันภยันตรายจากทั้งภายในและภายนอก

    บทที่ 13:
    ด้วยอานุภาพของพระชินเจ้า ขอให้โรคภัยและอุปัทวะทั้งหลายถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นเชิง

    บทที่ 14:
    ขอพระมหาบุรุษผู้มีคุณวิเศษทุกพระองค์ ปกปักรักษาข้าพเจ้าในท่ามกลางพระชินบัญชร

    บทที่ 15:
    ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ข้าพเจ้าได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากอันตราย และดำเนินชีวิตในพระชินบัญชรด้วยสวัสดีเป็นนิจนิรันดร์

  • บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา: บทสวดเพื่ออัญเชิญเทวดากลับสู่ที่อยู่

    บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา: บทสวดเพื่ออัญเชิญเทวดากลับสู่ที่อยู่

    บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา เป็นบทสวดมนต์ที่ใช้ในพระพุทธศาสนา โดยมีจุดประสงค์ในการอัญเชิญเหล่าเทวดาที่มาร่วมอนุโมทนาในพิธีกรรมต่าง ๆ ให้กลับไปยังที่อยู่ของตนด้วยความเป็นสิริมงคล นิยมใช้ในช่วงท้ายของพิธีทำบุญหรือพิธีกรรมทางศาสนา


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    บทสวด เทวะตาอุยโยชะนะคาถา

    ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
    โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
    เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง
    สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

    ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
    ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ

    สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
    อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ


    ความหมายของบทสวดเทวะตาอุยโยชะนะคาถา

    บทสวดนี้กล่าวถึงการแผ่เมตตาให้เหล่าเทวดาและสัตว์ทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ ความกลัว และความโศกเศร้า พร้อมทั้งอธิษฐานให้เทวดาได้รับผลบุญจากการอนุโมทนาในพิธีกรรม และขอให้เดินทางกลับสู่ที่อยู่ของตนอย่างสงบสุข


    วิธีสวดบท เทวะตาอุยโยชะนะคาถา

    1. เตรียมจิตใจให้สงบ: เลือกสถานที่สงบและจัดโต๊ะหมู่บูชาให้เหมาะสม

    2. ตั้งนะโม 3 จบ: กล่าว “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 ครั้ง

    3. เริ่มสวด: สวดด้วยความเคารพและความตั้งใจ อธิษฐานแผ่เมตตาให้เทวดาและสรรพสัตว์

    4. ปิดท้ายด้วยการแผ่เมตตา: ตั้งจิตอธิษฐานให้เทวดาและผู้ร่วมพิธีได้รับผลบุญและสิริมงคล


    ประโยชน์ของการสวด

    1. เสริมสิริมงคล: สร้างความสงบสุขในพิธีและในชีวิตประจำวัน

    2. ปัดเป่าเคราะห์ร้าย: ช่วยลดผลกระทบจากอุปสรรคและสิ่งไม่ดี

    3. สร้างความสัมพันธ์กับเทวดา: เชื่อมโยงพลังศรัทธากับเทวดาที่ปกปักรักษา

    4. ส่งเสริมจิตเมตตา: ช่วยให้ผู้สวดมีจิตใจเปี่ยมด้วยความเมตตาและกรุณา


    เคล็ดลับการสวดให้เกิดผลสูงสุด

    1. สวดอย่างสม่ำเสมอ: ควรสวดทุกครั้งหลังจากทำบุญหรือพิธีกรรม

    2. ตั้งจิตให้บริสุทธิ์: เน้นความตั้งใจและความศรัทธาในบทสวด

    3. ทำบุญควบคู่: เช่น ถวายสังฆทานหรือช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อเสริมพลังบุญ


    บทสวดเทวะตาอุยโยชะนะคาถา เป็นบทสวดที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับการใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่ออัญเชิญเทวดาให้กลับสู่ที่อยู่ด้วยความสงบสุข พร้อมแผ่บุญกุศลให้เหล่าเทวดาและสรรพสัตว์ การสวดบทนี้อย่างตั้งใจจะช่วยเสริมสิริมงคลและความสงบสุขให้กับผู้สวดและผู้ร่วมพิธี

  • สัพพมงคลคาถา: บทสวดเสริมสิริมงคลและความสำเร็จในชีวิต

    สัพพมงคลคาถา: บทสวดเสริมสิริมงคลและความสำเร็จในชีวิต

    สัพพมงคลคาถา เป็นบทสวดมนต์ที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ นิยมใช้ในงานพิธีมงคลต่าง ๆ เพื่อเสริมโชคลาภ ความสำเร็จ และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต การสวดคาถานี้เชื่อกันว่าจะช่วยเพิ่มพูนสิริมงคลและปัดเป่าอุปสรรคทั้งปวง


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    บทสวด สัพพมงคลคาถา

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะพุทธานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะธัมมานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ,

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง, รักขันตุ สัพพะเทวะตา,
    สัพพะสังฆานุภาเวนะ, สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ


    ความหมายของสัพพมงคลคาถา

    บทสวดนี้กล่าวถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้ทรงมีพลังศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ พร้อมอธิษฐานขอความสำเร็จ ความสงบสุข และโชคลาภในชีวิต


    วิธีสวดสัพพมงคลคาถา

    1. เตรียมจิตใจให้สงบ: เลือกสถานที่ที่เงียบสงบ ตั้งจิตให้มั่นคงและแผ่เมตตา

    2. ตั้งนะโม 3 จบ: กล่าวบท “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 ครั้ง เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า

    3. สวดสัพพมงคลคาถา: อ่านบทสวดช้า ๆ ด้วยความตั้งใจ และพิจารณาความหมายของบทสวด

    4. อธิษฐานจิต: หลังจากสวดเสร็จ ให้ตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ต้องการ เช่น ความสำเร็จ ความเจริญ หรือความสงบสุขในชีวิต


    ประโยชน์ของการสวด สัพพมงคลคาถา

    1. เสริมสิริมงคล: เพิ่มพูนความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในชีวิต

    2. ปัดเป่าอุปสรรค: ลดผลกระทบจากปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ

    3. เสริมความมั่นใจ: ช่วยสร้างกำลังใจและความมั่นคงทางจิตใจ

    4. ความสำเร็จในชีวิต: เพิ่มโอกาสในเรื่องการงาน การเงิน และความสัมพันธ์


    เคล็ดลับการสวดสัพพมงคลคาถาให้ได้ผลสูงสุด

    1. สวดในช่วงเวลามงคล: เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือก่อนเริ่มต้นงานสำคัญ

    2. ทำบุญควบคู่: การทำบุญ เช่น ถวายสังฆทาน หรือช่วยเหลือผู้ยากไร้ จะช่วยเสริมผลของบทสวด

    3. ตั้งจิตให้มั่นคง: จดจ่อกับการสวดและความหมายของคาถา


    บทสวดสัพพมงคลคาถา เป็นบทสวดที่เหมาะสำหรับการเสริมสิริมงคลและสร้างความสำเร็จในชีวิต การสวดบทนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้าย และนำพาความโชคดีและความสงบสุขมาให้แก่ชีวิตและครอบครัว

    หากคุณกำลังมองหาบทสวดที่ช่วยเสริมโชคลาภและสิริมงคล สัพพมงคลคาถา เป็นบทสวดที่ควรลองนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

  • บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก: บทสวดศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลและปัดเป่าภัยพิบัติ

    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก: บทสวดศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลและปัดเป่าภัยพิบัติ

    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก เป็นหนึ่งในบทสวดมนต์ที่ทรงพลังและมีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในพระพุทธศาสนา นิยมใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้าย อุปสรรค และภัยพิบัติ รวมถึงเสริมสิริมงคลแก่ผู้สวดและสถานที่ที่จัดพิธี


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ต้นฉบับเดิม

    ๑.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะ สัมปันโน วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วะตะ โส ภะคะวา .
    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะระหันตัง สิระสา นะมามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ.
    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ.
    สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สุคะตัง สิระสา นะมามิ.
    โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ.
    โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ.

    ๒.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะทัมมะสาระถิ วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วะตะ โส ภะคะวา.
    อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วะตะ โส ภะคะวา.
    อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ.
    อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ.
    ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ.
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
    พุทธัง สิระสา นะมามิ. อิติปิ โส ภะคะวา ฯ

    ๓.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะลักขะณะปารมิ จะ สัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมิ จะสัมปันโน.

    ๔.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อาโปธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เตโชธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    อิติปิ โส ภะคะวา วาโยธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิโส ภะคะวา วิญญาณะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จักกะวาฬะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๕.
    อิติปิ โส ภะคะวา จาตุมมะหาราชิกา ธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตาวะติงสาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะรูปาวะจะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โลกุตตะระธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๖.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตุสะมาธิ-ญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา จะตุตถะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๗.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๘.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะมัคคะธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปัตติผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคามิผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะผะละธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน.

    ๙.
    กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ชัมพู ทีปัญจะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นะโม พุทธายะนะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ
    ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง อา ปา มะ จุ ปะ, ที มะ สัง อัง ขุ, สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ, อุปะสะชะสะเห
    ปาสายะโส ฯ

    โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว อะ สัง วิ สุ โล
    ปุ สะ พุ ภะ อิสวาสุ สุสวาอิ กุสะลา ธัมมา จิตติวิอัตถิ.

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สาโพธิปัญ จะ อิสสะโร ธัมมา.

    กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ๑๐.
    จาตุมมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุอุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา พรหมาสัททะ ปัญจะสัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา ปุยะปะกะ ปุริสะทัมมะสาระถิ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    นิมมานะระตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา เหตุโปวะ สัตถา เทวะมะนุสสานัง ตะถา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี อิสสะโร กุสะลา ธัมมา สังขาระขันโธ ทุกขัง ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ

    พรหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัตถิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ๑๑.
    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ พุทธิลาโภกะลา กะระกะนา เอเตนะ สัจเจนะ
    สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ วัตติ วัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติ-สาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสีสาวัง มะหาอิสีสาวัง มุนีสาวัง มหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกาอิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ.

    สาวัง คุณัง วะชะ พะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง ธัมมัง สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญญา นิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ยะสัง ตัปปัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ

    ๑๒.
    นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม อิติปิโส ภะคะวา.

    นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม.

    นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง.

    นะโม พุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะ ตัสสะ หาโย นะโม อุอะมะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา อุ อะมะ อาวันทา นะโม พุทธายะ นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ฯ
    (กราบ ๓ ครั้ง)


    ความหมายของ บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก

    บทสวดนี้เน้นการบูชาและระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมทั้งสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยและปกป้องจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย


    วิธีสวดบทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก

    1. เตรียมจิตใจให้สงบ:

    เลือกสถานที่ที่เงียบสงบ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

    2. ตั้งนะโม 3 จบ:

    เริ่มต้นด้วยการกล่าว “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 จบ

    3. สวดบทยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก:

    อ่านเนื้อหาคาถาอย่างตั้งใจ ด้วยเสียงชัดเจนและสมาธิ

    4. อธิษฐานจิต:

    หลังสวดเสร็จ ให้ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรและปกป้องจากเคราะห์ร้าย


    ประโยชน์ของบทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก

    1. ปัดเป่าภัยพิบัติ: เชื่อว่าการสวดบทนี้สามารถปัดเป่าเคราะห์ร้ายและสิ่งไม่ดีออกไป

    2. เสริมสิริมงคล: สร้างพลังแห่งความศรัทธาและความสงบสุขในจิตใจ

    3. สร้างความสมดุล: ช่วยเสริมพลังด้านจิตวิญญาณและสมาธิ

    4. ปกป้องจากอุปสรรค: เสริมเกราะคุ้มกันภัยให้กับผู้สวดและครอบครัว


    เคล็ดลับการสวดให้เกิดผลสูงสุด

    สวดอย่างสม่ำเสมอ: หากสามารถสวดได้ทุกวัน จะช่วยเสริมสิริมงคลในชีวิต

    ทำบุญควบคู่: การทำบุญร่วมกับการสวดมนต์ เช่น การถวายสังฆทาน จะช่วยเสริมพลังของบทสวด

    ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความมั่นคง: ควรตั้งจิตให้บริสุทธิ์และแน่วแน่ในการขอพร


    บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก เป็นบทสวดมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังอย่างมาก เหมาะสำหรับการสวดในโอกาสต่าง ๆ เพื่อเสริมสิริมงคล ปัดเป่าภัยพิบัติ และเสริมพลังบวกในชีวิต

    หากคุณกำลังมองหาบทสวดมนต์ที่ช่วยสร้างความสงบและเสริมสิริมงคล บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกถือเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด

  • คาถาเรียกทรัพย์: บทสวดเสริมโชคลาภ เรียกเงินทองให้ไหลมาเทมา

    คาถาเรียกทรัพย์: บทสวดเสริมโชคลาภ เรียกเงินทองให้ไหลมาเทมา

    คาถาเรียกทรัพย์ เป็นบทสวดที่คนไทยนิยมใช้เพื่อเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่ง และเรียกเงินทองให้ไหลมาเทมา เชื่อกันว่าการสวดคาถานี้เป็นประจำด้วยความศรัทธาและตั้งจิตมั่น จะช่วยดึงดูดทรัพย์สิน โชคลาภ และความสำเร็จในชีวิต


    album-art
    00:00



    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    คาถาเรียกทรัพย์ (ฉบับเต็ม)

    พุทธะ มะอะอุ
    จิเจรุนิ จิตตัง
    มะณี จะมหาลาโภ
    ภะวันตุเม

    สัมปะติจฉามิ
    นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา
    สะหัสสะเนตโต
    สัพเพเทวา
    สะมาหิตา

    มหาปุญโญ
    มหาลาโภ
    ภะวันตุเม


    ความหมายของ คาถาเรียกทรัพย์

    บทคาถานี้เน้นการสวดเพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธเจ้า พระพรหม และมหาเทวดาทั้งหลาย ให้ช่วยเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความสำเร็จในด้านการเงิน


    เคล็ดลับเสริมพลังคาถาเรียกทรัพย์

    1. สวดในเวลาที่เหมาะสม:

    ควรสวดในช่วงเช้าหรือก่อนนอน เพื่อสร้างพลังใจและเสริมโชคลาภ

    2. ทำบุญร่วมด้วย:

    การทำบุญ เช่น ถวายสังฆทาน หรือช่วยเหลือผู้อื่น จะช่วยเพิ่มผลของคาถา

    3. พกเครื่องรางมงคล:

    เช่น พระเครื่อง หรือวัตถุมงคลที่ช่วยเสริมโชคลาภ

    4. ปฏิบัติด้วยความขยัน:

    คาถาเรียกทรัพย์จะส่งเสริมผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อผู้สวดมีความขยันขันแข็งในหน้าที่การงาน


    ประโยชน์ของคาถาเรียกทรัพย์

    1. เสริมโชคลาภ: ช่วยให้การเงินคล่องตัวและมีโอกาสใหม่ ๆ เข้ามา

    2. สร้างกำลังใจ: การสวดช่วยเพิ่มพลังใจและสร้างความมั่นคงทางจิตใจ

    3. ส่งเสริมความสำเร็จ: เชื่อกันว่าคาถานี้ช่วยให้ผู้สวดมีแรงบันดาลใจและมุ่งมั่นในการทำงาน


    คาถาเรียกทรัพย์ เป็นบทสวดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่ง และดึงดูดความสำเร็จในชีวิต การสวดด้วยความศรัทธาและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมพลังบวกให้กับชีวิตและการเงิน

    หากคุณกำลังมองหาวิธีเสริมโชคและดึงดูดทรัพย์สิน คาถาเรียกทรัพย์เป็นอีกหนึ่งบทที่ควรลองสวดในชีวิตประจำวัน

  • บทสวดชัยปริตร (มหาการุณิโก): บทสวดเสริมสิริมงคลและพลังแห่งความเมตตา

    บทสวดชัยปริตร (มหาการุณิโก): บทสวดเสริมสิริมงคลและพลังแห่งความเมตตา

    บทสวดชัยปริตร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มหาการุณิโก” เป็นบทสวดมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และนิยมใช้ในวัฒนธรรมไทย เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าอุปสรรค และสร้างพลังแห่งความเมตตา บทสวดนี้ได้รับความนิยมในพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการปกป้องคุ้มครองและเสริมความสงบร่มเย็นในชีวิต


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    บทสวดชัยปริตร บทสวดมหาการุณิโก

    มหาการุณิโก นาโถ
    หิตายะ สัพพะปาณินัง
    ปูรณะมิตตัง วิสุทธัญจะ
    สัตถา ชีนะระสังยะถา

    วิคาสิการุณาเจตโส
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห
    ยะถา สัพพี สะมาคะตา
    สัพพะตุฏฐิ ปะวัฑฒนัง

    สะมัตตา จะ ทิสาภาเค
    มังรักขันตุ สะสังฆิกัง
    สัพพะทุกขะ สัพพะภะยัง
    สัพพะโรคะ วิบินทุโน

    อุทะกัง วะลัญชะนัง ยะถา
    สัพพะปะสิทธิกะโร ภะเว
    สัพพะสัมปัตติ สิทธิกัง
    จิรัญจะ ระกะขันตุ เม

    นิพพุทธัง พุทธะมะนัสสะ
    ธัมมัง อะนุตตะระ โกฏิยะ
    สังฆัสสะ สามิกัสสะ เม
    ปะริตตัง ตัง ภะณามะ เห


    ความหมายของ มหาการุณิโก บทสวดชัยปริตร

    บทสวดนี้เน้นแสดงถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยพลังแห่งเมตตาและปัญญา บทสวดชัยปริตรยังเป็นการปกป้องจากสิ่งไม่ดีและอุปสรรคต่าง ๆ


    ประโยชน์ของ บทสวดชัยปริตร

    1. เสริมสิริมงคล: ช่วยปกป้องและนำความสงบสุขมาสู่ชีวิต

    2. ปัดเป่าอุปสรรค: ลดผลกระทบจากอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งทางกายและใจ

    3. สร้างพลังแห่งความเมตตา: เสริมสร้างจิตใจให้เปี่ยมไปด้วยเมตตาและกรุณา

    4. คุ้มครองภัย: เป็นบทสวดที่ช่วยเสริมความมั่นคงและปลอดภัย


    บทสวดชัยปริตร เป็นบทสวดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความเมตตาและความศักดิ์สิทธิ์ การสวดบทนี้เป็นการแสดงความศรัทธาและสร้างพลังใจให้กับผู้สวด อีกทั้งยังช่วยเสริมสิริมงคลและปกป้องจากอุปสรรคต่าง ๆ

    หากคุณกำลังมองหาบทสวดเพื่อเสริมพลังและสร้างความสงบสุขในชีวิต บทสวดชัยปริตรเป็นอีกหนึ่งบทที่ควรศึกษาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

  • บทสวดชุมนุมเทวดา: ความสำคัญและวิธีการสวดเพื่อเสริมสิริมงคล

    บทสวดชุมนุมเทวดา: ความสำคัญและวิธีการสวดเพื่อเสริมสิริมงคล

    บทสวดชุมนุมเทวดา เป็นหนึ่งในบทสวดที่มีความสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนาพุทธและวัฒนธรรมไทย บทสวดนี้มีจุดประสงค์เพื่ออัญเชิญและน้อมนำเหล่าเทวดาจากทั่วทุกสารทิศให้มาร่วมพิธีหรือมาส่งเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่สวดและผู้ร่วมพิธี นับเป็นบทสวดที่มีความศักดิ์สิทธิ์และแฝงไปด้วยพลังแห่งความศรัทธา


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ

    (บทสวดชุมนุมเทวดา)

    ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
    อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ

    สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ
    จันตะลิกเข วิมาเน
    ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน
    เคหะวัตถุมหิ เขตเต

    ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม
    ยักขะคันธัพพะนาคา
    ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง
    สาธะโว เม สุณันตุ

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา


    คำแปลบทสวดชุมนุมเทวดา

    1. “ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา…”
    หมายถึง การแผ่เมตตาและเชิญชวนเหล่าเทวดาให้มาร่วมรับฟังพระธรรม

    2. “สัคเค กาเม จะ รูเป…”
    เชิญชวนเหล่าเทวดาในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะอยู่บนสวรรค์ โลกมนุษย์ หรือสถานที่ต่าง ๆ ให้มาร่วมในพิธี

    3. “ภุมมา จายันตุ เทวา…”
    กล่าวถึงเทวดา ยักษ์ คนธรรพ์ และนาคในทุกมิติ ให้มารับฟังพระธรรมและสร้างความเป็นสิริมงคลแก่พิธี

    4. “ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา…”
    หมายถึง “บัดนี้เป็นเวลาอันสมควรแก่การฟังธรรม”


    ประโยชน์ของการสวดบทชุมนุมเทวดา

    1. เสริมสิริมงคล: การสวดบทนี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและความสงบ

    2. สร้างพลังจิตใจ: ผู้สวดจะรู้สึกอิ่มเอมใจและได้รับพลังงานบวก

    3. เชื่อมโยงจิตใจและเทวดา: เป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ปกปักรักษาในมิติเหนือธรรมชาติ

    4. ส่งเสริมความสำเร็จ: หลายคนเชื่อว่าการสวดบทนี้จะช่วยให้งานพิธีราบรื่นและได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์


    วิธีการสวดบทชุมนุมเทวดา

    1. เตรียมสถานที่ให้สงบและเหมาะสม อาจจัดโต๊ะบูชาพร้อมธูป เทียน และดอกไม้

    2. ตั้งจิตให้มั่นคงและมีสมาธิ

    3. เริ่มต้นด้วยการสวดบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นจึงสวดบทชุมนุมเทวดา

    4. หากเป็นงานพิธี สามารถให้ผู้นำสวดเป็นผู้เริ่มต้น และผู้ร่วมพิธีสวดตาม


    บทสวดชุมนุมเทวดา เป็นบทสวดที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมไทย ช่วยเสริมสิริมงคลและสร้างความสงบสุขทั้งแก่ผู้สวดและผู้ร่วมพิธี การสวดบทนี้เป็นการแสดงถึงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการเชื่อมโยงพลังแห่งความศรัทธาให้กลมกลืนกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อม

    หากคุณกำลังมองหาบทสวดมนต์ที่ช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลในชีวิต บทสวดชุมนุมเทวดานับว่าเป็นอีกหนึ่งบทที่ควรศึกษาและปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

  • บทสวดพาหุง ชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา)

    บทสวดพาหุง ชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา)

    บทสวดพาหุง: บทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันภัย และเสริมสิริมงคล

    บทสวดพาหุง หรือที่เรียกว่า พาหุงมหากา เป็นบทสวดมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่งขึ้นเพื่อสรรเสริญชัยชนะของพระพุทธเจ้าต่อมารต่าง ๆ บทสวดนี้มีจุดเด่นในการช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้าย ป้องกันภัยอันตราย และเสริมพลังบุญให้แก่ผู้สวด

    บทพาหุงมหากามักใช้ในโอกาสสำคัญ เช่น การเริ่มต้นวันใหม่ การทำบุญใหญ่ หรือการขอพรเพื่อความสำเร็จและความปลอดภัย


    album-art
    00:00


    ( เริ่ม บทสวดพาหุง )
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )

    พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ


    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ


    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ


    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติฯ


    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สา

    วะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ


    บทสวดพาหุง พุทธชัยมงคลคาถา

    พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
    ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
    โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
    ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
    พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
    วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ


    บทสวดมหาการุณิโก

    มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ


    ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ


    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
    สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต


    คำแปล พุทธชัยมงคลคาถา (คาถาพาหุง)

    บทที่ 1
    พระพุทธเจ้าทรงชนะพระยามาราธิราช ผู้สร้างอาวุธพันรูปขึ้นด้วยฤทธิ์ ประทับบนคอช้างครีเมขละ เสด็จพร้อมกองทัพเสียงกึกก้อง ด้วยวิธีแห่งการให้ทานและธรรมวิธีต่าง ๆ ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 2
    พระพุทธเจ้าทรงชนะยักษ์อลาวกะ ผู้โหดร้ายดุจไฟป่า ฟ้าผ่า และสายลม ด้วยขันติธรรมอันมั่นคง ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 3
    พระพุทธเจ้าทรงชนะช้างนาฬาคิรี ผู้ดุร้ายยิ่ง ด้วยน้ำแห่งเมตตาอันเย็นชื่น ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 4
    พระพุทธเจ้าทรงชนะองคุลิมาล ผู้ถือดาบวิ่งไล่ตามด้วยอาการอันดุร้าย พร้อมทั้งฤทธิ์อันมหาศาล ด้วยกำลังแห่งอิทธิวิธี ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 5
    พระพุทธเจ้าทรงชนะนางจิญจมาณวิกา ผู้กล่าวคำโกหก ดุจหญิงตั้งครรภ์ ด้วยความสงบนิ่งและอุบายอันสุขุม ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 6
    พระพุทธเจ้าทรงชนะสัจจกนิครนถ์ ผู้หลงตนและท้าทายด้วยคำกล่าวโต้แย้ง ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 7
    พระพุทธเจ้าทรงชนะพญานาคนันโทปนันทะ ผู้ทรงฤทธิ์มาก ด้วยการส่งพระโมคคัลลาน์ไปปราบด้วยฤทธิ์ ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น

    บทที่ 8
    พระพุทธเจ้าทรงชนะพรหมผู้มีทิฏฐิผิด ด้วยกำลังแห่งพระปัญญาอันบริสุทธิ์ ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่านด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น


    บทสวดมหาการุณิโก

    พระพุทธเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันสูงสุด ด้วยคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงเกิดแก่ท่าน

    บทอวยพร

    ขอความเป็นมงคลทั้งปวงจงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทวดาทั้งหลายคุ้มครองท่าน ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ขอท่านจงประสบความสุขและสวัสดีตลอดไป


    ความสำคัญของบทสวดพาหุง

    บทพาหุงมหากาเล่าเรื่องชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่ทรงมีต่อมารต่าง ๆ โดยแสดงให้เห็นถึงพระปัญญาและพระกรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สวดใช้ปัญญาและความพยายามเพื่อเอาชนะอุปสรรคในชีวิต

    บทสวดนี้เน้นเรื่อง:

    1. การเอาชนะอุปสรรคทั้งทางกายและใจ
    2. การสร้างเกราะป้องกันตนเองจากสิ่งไม่ดี
    3. การเสริมพลังบวกในชีวิต

    วิธีสวดบทพาหุงให้ได้ผลสูงสุด

    1. เตรียมจิตใจให้สงบ:
      นั่งในที่สงบ หลับตา และตั้งสมาธิก่อนเริ่มสวด

    2. ตั้งนะโม 3 จบ:
      กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยด้วย “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 ครั้ง

    3. สวดบทพาหุง:
      อ่านบทสวดด้วยจิตใจที่แน่วแน่และตั้งใจสรรเสริญพระพุทธคุณ

    4. แผ่เมตตา:
      หลังจากสวดเสร็จ ให้แผ่เมตตาให้แก่ตนเอง ครอบครัว และสรรพสัตว์

    ประโยชน์ของบทสวดพาหุง

    1. ป้องกันภัย:
      เชื่อว่าบทพาหุงมีพลังศักดิ์สิทธิ์ในการปกป้องจากอันตราย

    2. ปัดเป่าเคราะห์ร้าย:
      ลดผลกระทบจากอุปสรรคและความไม่ดีในชีวิต

    3. เสริมสิริมงคล:
      สร้างพลังบวกและความมั่นคงในจิตใจ

    4. เสริมพลังใจ:
      เพิ่มกำลังใจในการเผชิญหน้ากับปัญหา

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • สวดทุกวัน:
      การสวดบทพาหุงเป็นประจำจะช่วยเสริมพลังบวกในระยะยาว

    • ใช้ในพิธีสำคัญ:
      บทสวดนี้เหมาะสำหรับใช้ในพิธีทำบุญหรือการเริ่มต้นสิ่งใหม่

    • ทำบุญควบคู่:
      เช่น การถวายสังฆทาน หรือการช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเพิ่มพลังบุญให้แก่ตนเอง

  • คาถามงคลจักรวาล 8 ทิศ

    คาถามงคลจักรวาล 8 ทิศ

    บทสวดนี้เป็น “คาถา มงคลจักรวาล 8 ทิศ” หรือที่เรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “บทสวดกำแพงแก้ว 7 ชั้น” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสร้างความคุ้มครองจากภัยร้ายทุกทิศ ด้วยพลังแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยมีเนื้อหาที่กล่าวถึงการสร้างกำแพงแก้ว 7 ชั้นล้อมรอบตัวเพื่อป้องกันภัย และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดทิศ


    album-art
    00:00

    (ตั้ง นะโม 3 จบ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ


    ( เริ่มบท จักรวาล 8 ทิศ )

    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว


    อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ


    มงคลจักรวาล 8 ทิศ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “คาถาแปดทิศ” เป็นบทสวดมนต์ที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวพุทธ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และปกป้องคุ้มครองจากอันตรายในทุกทิศทางของชีวิต


    ความสำคัญของมงคลจักรวาล 8 ทิศ

    มงคลจักรวาล 8 ทิศได้รับการยอมรับว่าเป็นบทสวดที่สามารถช่วยเสริมพลังบวกให้กับชีวิตของผู้ที่สวดอย่างตั้งใจและศรัทธา โดยมีความเชื่อว่าสามารถปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมชาติ หรือทางจิตใจ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมโชคลาภและความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของชีวิต


    โครงสร้างของคาถา

    คาถามงคลจักรวาล 8 ทิศ ประกอบด้วยบทสวดที่มีเนื้อหาสั้น กระชับ แต่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ โดยบทสวดเหล่านี้เชื่อมโยงกับพลังแห่งธรรมชาติและพระพุทธคุณในแต่ละทิศ เช่น ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ซึ่งแสดงถึงความครอบคลุมและสมดุลในชีวิต


    วิธีการสวดมงคลจักรวาล 8 ทิศ

    1. จัดสถานที่ ควรเลือกสถานที่ที่สงบเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น ห้องพระ หรือมุมสงบในบ้าน

    2. เตรียมจิตใจ ก่อนเริ่มสวด ควรตั้งจิตให้สงบ และมีสมาธิ เพื่อให้บทสวดเกิดผลที่ดีที่สุด

    3. การสวด สวดบทมงคลจักรวาล 8 ทิศด้วยความตั้งใจ พร้อมกับจินตนาการถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองในทุกทิศทาง


    ประโยชน์ของการสวด

    ผู้ที่สวดมงคลจักรวาล 8 ทิศอย่างสม่ำเสมอ มักจะพบกับความสงบในจิตใจ และมีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในพลังของความดีและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา


    มงคลจักรวาล 8 ทิศจึงไม่ใช่เพียงแค่บทสวดมนต์ทั่วไป แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างจิตใจและพลังแห่งธรรมชาติ ที่ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสมดุลและสงบสุข