ร่วมสัมผัสประเพณีแห่นางดาน ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช งานมหาสงกรานต์เก่าแก่หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่มีพิธีอัญเชิญเทพบริวารตามคติพราหมณ์ สืบทอดมากว่า 800 ปี
ความเป็นมา แห่นางดาน
ประเพณีแห่นางดานจัดขึ้นที่เมืองนครศรีธรรมราช โดยมีรากฐานมาจากคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเชื่อว่า พระอิศวร (หรือพระศิวะ) เสด็จมาเยือนโลกมนุษย์ในช่วงเดือน อ้าย (ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพราหมณ์) เพื่อประสาทพรให้มนุษยโลกอยู่ในสันติ และอุดมสมบูรณ์
ในการนี้ ชาวนครฯ จะอัญเชิญ “นางดาน” หรือนางกระดาน ซึ่งเป็นแผ่นไม้แกะสลักเทพบริวารทั้งสี่ ได้แก่ พระอาทิตย์-พระจันทร์, พระธรณี, พระคงคา มารอรับเสด็จพระอิศวร
ปัจจุบันประเพณีนี้รวมอยู่กับงานมหาสงกรานต์เมืองนครศรีธรรมราช และจะจัดขบวนแห่ในวันที่ 14 เมษายนของทุกปี
ลักษณะของประเพณี แห่นางดาน
- ขบวนแห่ “นางดาน” จะเริ่มจากฐานศาลหลักเมืองหรือที่ศาลพระอิศวร เคลื่อนมายังสวนสาธารณะหรือที่จัดงาน โดยมีแผ่นไม้ “นางดาน” เดินนำพา
- ภายในงานยังมีพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งน้ำทั้ง 6 แห่ง พิธีโล้ชิงช้า (ทรงเทพ) และพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคล
- ตลอดคืนวันที่จัดขบวนจะมีแสง สี เสียง พลุ และการแสดงทางวัฒนธรรมให้ชมอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองและแสดงความศรัทธา
ความหมายและคุณค่าทางวัฒนธรรม
ประเพณีแห่นางดานไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่มีคุณค่าเชิงลึกทางศาสนาและวัฒนธรรม:
- สะท้อนถึงการผสมผสานของคติพราหมณ์กับพุทธศาสนาในภาคใต้ของไทย
- เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเพณีที่ยังคงดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่หาชมได้ยาก และได้ถูกยอมรับว่าเป็น “หนึ่งเดียวในประเทศไทย”
- ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางมาร่วมชมงานและสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น
การนำไปใช้ในชีวิตจริง
- การรักษาเอกลักษณ์ไทย: เด็ก ยุคใหม่ควรเรียนรู้และมีส่วนร่วมในประเพณีเพื่อสืบสานรากวัฒนธรรม
- การท่องเที่ยววัฒนธรรม: การไปชมงานแห่นางดานเป็นโอกาสดีในการเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น
- การสร้างความสัมพันธ์ชุมชน: ในการจัดงานมีการรวมตัวของคนท้องถิ่น ทุกคนร่วมมือกันซึ่งเสริมสร้างความสามัคคี
- การถ่ายภาพและแชร์บนโซเชียล: งานนี้มีฉากและบรรยากาศที่งดงาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำ
สรุป
แห่นางดาน เป็นประเพณีที่ยาวนานและทรงคุณค่าของจังหวัด นครศรีธรรมราช อย่างแท้จริง ด้วยพิธีกรรมที่สะท้อนความศรัทธา ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ประเพณีนี้ไม่เพียงเป็นงานจัดแสดง แต่เป็นสัญลักษณ์ของรากเหง้าวัฒนธรรมไทยใต้ หากมีโอกาส ไม่ควรพลาดการไปร่วมชมด้วยตนเอง















